ธนารักษ์แจงกรณีถูกร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. เอาผิดแสวงหาประโยชน์ให้เช่าก่อสร้างบ้านมั่นคง

กรณีประเด็นข่าวนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยได้นำชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนและเสียหายจากพื้นที่ทุ่งรังสิตมายื่นร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. โดยมีเหตุสืบเนื่องมาจากมีทหารและหน่วยงานทางราชการหลายหน่วยงานได้มากดดันชาวบ้านริมคลองเปรมประชากรบริเวณชุมชนวัดรังสิตให้รื้อถอนบ้านเรือนของตนที่ปลูกสร้างริมคลองออกไป แล้วทำการถมที่ดินรุกล้ำเข้าไปในคลองกว่า 30 เมตร จนทำให้คลองเปรมประชากรมีสภาพความกว้างกว่า 50 เมตร คงเหลือไม่ถึง 20 เมตร แล้วกรมธนารักษ์ก็ได้นำพื้นที่ดังกล่าวไปแสวงหาประโยชน์ให้เช่าก่อสร้างบ้านมั่นคง นั้น

กรมธนารักษ์ขอเรียนสรุปความเป็นมาของโครงการปรับปรุงและพัฒนาพื้นที่คลองเปรมประชากร ดังนี้

1. คลองเปรมประชากรเป็นคลองที่ขุดขึ้นในรัชสมัยของสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2413 - 2415 เป็นคลองที่เชื่อมแม่น้ำเจ้าพระยา เข้าด้วยกัน โดยเริ่มจากคลองผดุงกรุงเกษมบริเวณหน้าวัดโสมนัสวรวิหาร ไปทะลุตำบลเกาะใหญ่ แขวงกรุงเก่า จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยพระราชทรัพย์สินส่วนพระองค์ และได้พระราชทานนามคลองนี้ว่า “คลองเปรมประชากร”ต่อมาพระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราวุธพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) ทรงพระราชดำริห์เห็นว่าที่ดินในบริเวณทุ่งเชียงรากน้อยและบางเหี้ยตอนใต้มีปริมาณกว้างขวางใหญ่โต ถ้าได้ขุดคลองทดน้ำส่งน้ำให้สืบลงมาได้จากแควป่าสักแล้ว จะเป็นประโยชน์แก่การเพาะปลูกและสะดวก แก่กิจการของสาธารณชนทั่วไป จึงทรงมีประกาศกระแสร์พระบรมราชโองการ เรื่อง ขยายการหวงห้ามและจัดซื้อที่ดิน สำหรับสร้างการทดน้ำไขน้ำบริเวณเชียงรากน้อยและบางเหี้ย พุทธศักราช 2467 โดยกำหนดไว้ตามข้อ 9 คลองเปรมประชากร กว้างฝั่งละ 1 เส้น (หรือ 20 วา ) ดังนั้น คลองเปรมประชากร จึงมีแนวเขตคลอง กว้าง 80 เมตร ใช้ประโยชน์ในราชการกรมชลประทาน (กระทรวงเกษตราธิการ) มาแต่เดิม

2. คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2555 เห็นชอบข้อเสนอการบริหารจัดการสิ่งก่อสร้างรุกล้ำลำน้ำสาธารณะตามข้อเสนอของคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) โดยให้กระทรวงมหาดไทยและกรุงเทพมหานคร ร่วมกันดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่บุกรุกลำน้ำสาธารณะ รวมทั้งต้องไม่ออกใบอนุญาตให้กับอาคารสิ่งปลูกสร้างที่กำลังจะดำเนินการทุกประเภทที่ตรวจสอบว่ามีการบุกรุกลำน้ำสาธารณะด้วย นอกจากนี้ได้มอบหมายให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์พิจารณาจัดหา ที่พักอาศัยถาวรให้กับผู้บุกรุก

3. ปี 2557 หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ด้านสังคม ได้มีข้อสั่งการเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2557 ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร) และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ดำเนินการกำหนดมาตรการจัดระเบียบและแก้ไขปัญหาชุมชนแออัด รวมทั้งการจัดหาที่อยู่อาศัยถาวรให้แก่ผู้รุกล้ำคูคลอง และทางระบายน้ำ

4. ต่อมาในปี 2558 รัฐบาลกำหนดนโยบายสำคัญในการบริหารจัดการสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำลำน้ำและการจัดระเบียบที่อยู่อาศัยให้ถูกต้องตามกฎหมายให้แก่ผู้อยู่อาศัยตามแนวคูคลองและทางระบายน้ำ โดยมีโครงการนำร่องในพื้นที่คลองลาดพร้าวและบางซื่อก่อนเป็นลำดับแรก ในการนี้ กรมธนารักษ์ พอช. และสำนักการระบายน้ำ ได้บูรณาการความร่วมมือดำเนินโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยให้แก่ชุมชนริมคลองภายใต้กรอบโครงการบ้านมั่นคงตามบันทึกความร่วมมือด้านการพัฒนาที่อยู่อาศัยฯ เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2558 เพื่อร่วมกันส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิตและการอยู่อาศัยของชุมชนริมคลองผู้มีรายได้น้อยที่อยู่ในที่ดินราชพัสดุ ซึ่งได้รับผลกระทบจากโครงการบริหารจัดการสิ่งก่อสร้างรุกล้ำลำน้ำสาธารณะ ให้มีความมั่นคงและมีสิ่งแวดล้อมทางกายภาพและสังคมที่ดีขึ้น ประการสำคัญเพื่อให้ผู้อยู่อาศัยได้อยู่อาศัยอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เน้นการดำเนินการโดยกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชนเป็นหลัก และบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2559 คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติงบประมาณให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดย พอช. กำหนดมาตรการจัดระเบียบและแก้ไขปัญหาการชุมชนแออัด รวมทั้งการจัดหาที่อยู่อาศัยถาวรให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบ จากการสร้างเขื่อน จำนวน ๔,๐๐๐ ล้านบาท พอช. จัดทำแผนการแก้ไขปัญหา โดยนำเสนอรูปแบบการพัฒนาที่อยู่อาศัยขึ้นอยู่กับปัจจัยด้านสภาพพื้นที่คลอง ได้แก่

1) การปรับปรุงในที่ดินเดิม โดยการเช่าที่ดินราชพัสดุร่วมกันและจัดระเบียบการอยู่อาศัยภายใต้กรอบโครงการบ้านมั่นคง

2) การสร้างชุมชนในที่ดินใหม่ ในลักษณะรวมกลุ่มจัดตั้งสหกรณ์ เพื่อซื้อที่ดินเอกชน และปลูกสร้างที่พักอาศัยร่วมกัน ในกรณีที่ไม่สามารถปรับปรุงในที่ดินเดิมได้

3) การเช่าซื้ออาคาร ในโครงการของการเคหะ เช่น โครงการบ้านเอื้ออาทร ทั้ง 3 รูปแบบ ชุมชนจะได้รับเงินช่วยเหลือ เงินสนับสนุน และเงินอุดหนุน สำหรับผู้เข้าร่วมโครงการ ครัวเรือนละประมาณ 147,000 บาท รวมถึงการขอสินเชื่อในการสร้างบ้าน จาก พอช. ประมาณ 3.5 แสนบาท โดยมีดอกเบี้ยคงที่ 4 %

5. คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบชาติ ที่ 9/2560 เรื่อง การดำเนินโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชน ริมคลองลาดพร้าวและคลองเปรมประชากร เพื่อแก้ไขปัญหาการบุกรุกลำน้ำสาธารณะ เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2560 กำหนดมาตรการการจัดระเบียบและแก้ไขปัญหาชุมชนแออัดและการสร้างที่อยู่อาศัยรุกล้ำแนวลำคลองและทางระบายน้ำ โดยมีโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยของชุมชนตามแนวคลองลาดพร้าว คลองบางบัว คลองถนน คลองสอง คลองบางซื่อ และคลองเปรมประชากร อันเป็นประโยชน์ในการสร้างระบบระบายน้ำ เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย รวมทั้งการพัฒนาคุณภาพชีวิตและที่อยู่อาศัยรองรับให้แก่ชุมชน ที่ได้รับผลกระทบ ในการนี้ กรมธนารักษ์ สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) (พอช.) และกรุงเทพมหานคร จึงได้เข้าดำเนินการสร้างความเข้าใจกับชุมชนตามแนวคลองดังกล่าว เพื่อจัดทำที่อยู่อาศัยในที่ดินราชพัสดุเฉพาะพื้นที่ภายในโครงการก่อสร้างเขื่อน คสล. และประตูระบายน้ำ โดยให้ชุมชนรวมกลุ่มกันในรูปแบบสหกรณ์ตามหลักเกณฑ์ของ พอช.

6. ปี 2562 คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติเรื่องแผนแม่บทโครงสร้างพื้นฐานระบบคลองและ การพัฒนาชุมชนริมคลองเปรมประชากรตามที่กระทรวงมหาดไทย (มท.) เสนอเมื่อวันที่ 9 เมษายน 2562 โดยเห็นชอบแผนงานการเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำป้องกันน้ำท่วมและบำบัดน้ำเสียคลองเปรมประชากรทั้งระบบ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ทั้งชุมชนและเมือง พัฒนาด้าน การเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ การพัฒนาที่อยู่อาศัย การพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจชุมชน การจัดระบบสาธารณูปโภคและผังเมือง โดยมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินงานตามแผนงานหลักระยะเร่งด่วนปี 2562 ถึง 2565 จำนวน 4 โครงการ วงเงิน 4,448 ล้านบาท เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำป้องกัน น้ำท่วมและบำบัดน้ำเสียของคลองเปรมประชากรทั้งระบบตั้งแต่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาถึงกรุงเทพมหานคร

โดยการดำเนินการที่จะพัฒนาความเป็นอยู่ของประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่คลองเปรมประชากร และต้องการคืนความใสให้กับคลองเปรมประชากรเพื่อความสวยงาม เป็นระเบียบ สามารถใช้เป็นทางระบายน้ำเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในอนาคต ภายใต้โครงการปรับปรุงและพัฒนาพื้นที่คลองเปรมประชากรซึ่งเป็นคลองที่ต่อเนื่องมาจากกรุงเทพมหานคร ผ่านจังหวัดปทุมธานี (ระยะทางคลองเปรมประชากรในเขตจังหวัดปทุมธานี ประมาณ 20.40 กิโลเมตร) สิ้นสุดที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยในกรุงเทพมหานครให้สำนักการระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้างเขื่อน ส่วนในเขตพื้นที่จังหวัดปทุมธานี กรมโยธาธิการและผังเมืองเป็นผู้ดำเนินการก่อสร้างเขื่อนตามความเหมาะสมในพื้นที่ให้สามารถดำเนินการระบายน้ำได้ โดยมีพื้นที่ดำเนินการในเขตจังหวัดปทุมธานี ในเขตพื้นที่ของ หมู่ที่ 1 2 3 5 6 และ หมู่ที่ 7 ตำบลหลักหก อำเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี ระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตร



ประเด็นข้อร้องเรียนของนายศรีสุวรรณ จรรยา

การถมคลองสาธารณประโยชน์ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ

คลองเปรมประชากรมิได้เป็นคลองที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติแต่เป็นคลองที่ขุดขึ้นตั้งแต่ สมัยรัชกาลที่ 5 ประกอบกับได้มีประกาศกระแสร์พระบรมราชโองการ เรื่อง ขยายการหวงห้ามและจัดซื้อที่ดิน สำหรับสร้างการทดน้ำไขน้ำบริเวณเชียงรากน้อย และบางเหี้ย พุทธศักราช 2467 เพื่อสำหรับจัดซื้อที่ดิน ทำการขุดลอกซ่อมคลอง ก่อสร้างทำนบประตูน้ำ ทำคันกั้นน้ำ ทำตลิ่งคันคลอง หรือการอื่นๆที่จำเป็นต้องกระทำขึ้นเกี่ยวกับการระบายน้ำเชียงรากน้อยและบางเหี้ย โดยมีกระทรวงเกษตราธิการเป็นผู้มีอำนาจดำเนินการตามประกาศกระแสร์ดังกล่าว และต่อมาได้มีการใช้ประโยชน์ในที่ดินสำหรับกิจการชลประทาน และทางราชการ ได้สงวนไว้เพื่อใช้ประโยชน์ในราชการของกรมชลประทาน ที่ดินดังกล่าวจึงมีสถานะเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ และเป็นที่ราชพัสดุตามพระราชบัญญัติ ที่ราชพัสดุ พ.ศ. 2562 โดยมีกระทรวงการคลังเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ กรมธนารักษ์ได้อนุญาตให้สำนักการระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร และกรมโยธาธิการและผังเมือง ก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมคลองเปรมประชากร

การจัดให้เช่าโดยมิชอบ

การจัดให้เช่าที่ราชพัสดุบริเวณริมคลองเปรมประชากร เป็นการดำเนินการตามนโยบายสำคัญและเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาชุมชนแออัดและการปลูกสร้างที่อยู่อาศัยและสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำลำน้าสาธารณะ ภายใต้มติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2555 และข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ด้านสังคม เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2557 และคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบชาติ ที่ 9/2560 เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2560 กำหนดมาตรการการจัดระเบียบและแก้ไขปัญหาชุมชนแออัดและการสร้างที่อยู่อาศัยรุกล้ำแนวลำคลองและทางระบายน้ำ โดยมีโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยของชุมชนตามแนวคลองลาดพร้าว คลองบางบัว คลองถนน คลองสอง คลองบางซื่อ และคลองเปรมประชากร อันเป็นประโยชน์ในการสร้างระบบระบายน้ำ เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย รวมทั้งการพัฒนาคุณภาพชีวิตและที่อยู่อาศัยรองรับให้แก่ชุมชนที่ได้รับผลกระทบ ในการนี้ กรมธนารักษ์ สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) (พอช.) และกรุงเทพมหานคร จึงได้เข้าดำเนินการสร้างความเข้าใจกับชุมชนตาม แนวคลองดังกล่าว เพื่อจัดทำที่อยู่อาศัยในที่ดินราชพัสดุเฉพาะพื้นที่ภายในโครงการก่อสร้างเขื่อน คสล. และ ประตูระบายน้ำ โดยให้ชุมชนรวมกลุ่มกันในรูปแบบสหกรณ์ตามหลักเกณฑ์ของ พอช. มีขั้นตอน ดังนี้

เดิมพื้นที่บริเวณริมคลองเปรมประชากรมีราษฎรก่อสร้างบ้านเรือนรุกล้ำแนวคลองและที่ดินริมคลองหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันกำหนดขอบเขตดำเนินการปรับปรุงและพัฒนาคลองเปรมประชากรในเขตพื้นที่จังหวัดปทุมธานีแล้ว ประชาชนที่อยู่อาศัยบริเวณริมคลองเปรมประชากรเกือบทั้งหมดได้รับรู้ เห็นด้วยกับโครงการของทางราชการและจัดตั้งกลุ่มสหกรณ์เพื่อออมเงินสำหรับจัดสร้างที่อยู่อาศัยเป็นสหกรณ์เคหสถานบ้านมั่นคงชุมชนวัดรังสิต จำกัด โดยสหกรณ์ฯ ได้มีหนังสือแจ้งความประสงค์ขอเช่าที่ดินราชพัสดุแปลงดังกล่าว เพื่อก่อสร้าง ที่อยู่อาศัยตามโครงการบ้านมั่นคง สำนักงานธนารักษ์พื้นที่ปทุมธานีได้ปิดประกาศการจัดให้เช่าที่ดินราชพัสดุดังกล่าวเป็นการทั่วไป ตามขั้นตอนการจัดให้เช่าที่ดินราชพัสดุ ผลปรากฏว่า ไม่มีผู้ใช้สิทธิคัดค้านการขอเช่าดังกล่าว จึงได้ดำเนินการจัดให้สหกรณ์เคหสถานบ้านมั่นคงชุมชนวัดรังสิต จำกัด (488 ครัวเรือน) เช่าเนื้อที่ประมาณ22 - 3 - 36 ไร่ ตามหลักเกณฑ์บ้านมั่นคงในที่ราชพัสดุ พร้อมทั้งอนุญาตให้ก่อสร้างที่พักอาศัยในที่ราชพัสดุแล้ว โดยมีสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) (พอช.) ได้ให้การสนับสนุนสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย

การอนุญาตให้สหกรณ์เคหสถานบ้านมั่นคงชุมชนวัดรังสิต จำกัด เช่าที่ราชพัสดุบริเวณดังกล่าว เพื่อก่อสร้างบ้านมั่นคง จึงเป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมาย อีกทั้งโครงการปรับปรุงและพัฒนาพื้นที่คลองเปรมประชากรภายใต้โครงการบ้านมั่นคงในที่ราชพัสดุ เป็นโครงการที่มุ่งแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐและพัฒนาที่อยู่อาศัย โดยมีการทำงานบูรณาการร่วมกันหลายหน่วยงานเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนที่อยู่อาศัยบริเวณพื้นที่คลองเปรมประชากร จัดทำโครงสร้างพื้นฐานและสร้างเขื่อนพร้อมทั้งปรับปรุงภูมิทัศน์และพัฒนาคุณภาพการระบายน้ำ ป้องกันน้ำท่วม อันจะเป็นประโยชน์แก่ราษฎรที่อยู่อาศัยริมคลองเปรมประชากรและประชาชนโดยทั่วไป

ปัจจุบันกรมธนารักษ์ได้ดำเนินการจัดให้ชุมชนริมคลองเช่าที่ราชพัสดุตามโครงการบ้านมั่นคง ดังนี้

คลองลาดพร้าวและบางซื่อ มีชุมชน 50 ชุมชน 6,868 ครัวเรือน

- รวมจัดให้เช่าแล้ว 38 ชุมชน 4,757 ครัวเรือน

คลองเปรมประชากร มีชุมชน 29 ชุมชน 3 กลุ่ม รวม 5,621 ครัวเรือน

- จัดให้เช่าแล้วจำนวน 10 ชุมชน 1,422 ครัวเรือน

- จัดทำ MOU จำนวน 2 ชุมชน 328 ครัวเรือน


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment