การสื่อสารในภาวะวิกฤติ ตอน มือสมัครเล่น

การสื่อสารในภาวะวิกฤติ ตอน มือสมัครเล่น

นายเกษมสันต์ วีระกุล

เหตุระเบิดที่สี่แยกราชประสงค์นอกจากจะสร้างความเศร้าโศกสียใจไปทั่วประเทศแล้ว ยังได้สะท้อนยุทธศาสตร์ในการสื่อสารในภาวะวิกฤติของหน่วยราชการไทยว่ายังทำงานกันแบบ “มือสมัครเล่น” จริงๆ ผมมีข้อสังเกตดังนี้

หนึ่ง เมื่อเกิดเหตุรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ได้จัดตั้ง “วอร์รูม” อย่างทันทีเพื่อทำการสื่อสารอย่างเป็นระบบกับประชาชนและสื่อมวลชน สะท้อนว่ารัฐบาลและหน่วยราชการไทยไม่มีแผนสื่อสารในภาวะวิกฤติ เพราะว่าถ้ามีแผนฯดังกล่าว แผนนั้นจะต้องระบุความเสี่ยงที่จะเกิดเหตุแบบนี้ และจะต้องระบุอีกด้วยว่าเมื่อวิกฤติ เกิดขึ้นจะต้องมีการจัดตั้งวอร์รูมที่ไหน ใครจะเป็นคนสื่อสารกับประชาชนและสื่อมวลชนผ่านทางช่องทางใด

สอง การที่ประชาชนและสื่อมวลชนทั้งแชร์ทั้งนำเสนอข่าวที่ผิดพลาดสับสนไปทั้งประเทศ เช่น ประกาศภาวะฉุกเฉิน ประกาศปิดสถาบันการเงิน ปิดโรงเรียนหรือกระทั่งประกาศเขตห้ามไปนั้น สะท้อนว่าประชาชนและสื่อมวลชนไม่ได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและเพียงพอในเวลาที่เหมาะสม เมื่อไม่ได้ข้อมูลเหล่านั้นมืออาชีพด้านการสื่อสารย่อมจะรู้ว่าการเผยแพร่หรือการแชร์ข้อมูลผิดๆ ย่อมจะตามมาอย่างแน่นอน

สาม การที่ผู้หลักผู้ใหญ่ทั้งตำรวจและทหารเลือกที่จะให้สัมภาษณ์ตามสถานที่เกิดเหตุ หรือให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์แทนการแถลงข่าวที่เป็นระบบตามแผนการสื่อสารในภาวะวิกฤตินั้น เป็นการตอกย้ำว่านอกจากไทย เราจะไม่มีแผนดังกล่าวแล้ว ผู้ใหญ่ที่เห็นๆ หน้ากันอยู่ยังไม่มีความรู้ในเรื่องการสื่อสารในภาวะวิกฤติอีกด้วยว่า ต้องมีคนสื่อสารเพียงคนเดียวเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการสับสน และที่สำคัญจะต้องไม่คาดการณ์ในสิ่งที่กำลังสืบสวนสอบสวนหรือตรวจสอบข้อเท็จจริงอยู่ การคาดการณ์ของผู้ใหญ่หน้าสถานที่เกิดเหตุหรือทางโทรศัพท์ ผ่านสื่อมวลชนนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องอย่างยิ่ง

สี่ การที่เจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการผลัดกันออกมาให้สัมภาษณ์ให้ข้อมูลเรื่องชนิดของระเบิด เรื่องหลักฐานต่างๆ นั้น สะท้อนว่าพวกเขาเหล่านั้นไม่ได้รับคำสั่งไม่ให้แถลงข่าวซึ่งควรจะมีอยู่ในแผนสื่อสารในภาวะวิกฤติ

ห้า ผู้ใหญ่บางคนใช้เฟซบุ๊คในการอธิบายการทำงานของตนเอง รวมไปถึงการประกาศปิดโรงเรียนด้วยก็ยิ่งสะท้อนว่า แม้แต่ในระดับเมืองหลวงของประเทศก็ไม่มีแผนการสื่อสารในภาวะวิกฤติเช่นกัน

หก การที่รัฐบาลไม่ได้ใช้โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแถลงข่าวอย่างเป็นกิจจะลักษณะในวิธีการที่ถูกต้องของการสื่อสารในภาวะวิกฤติ และไม่ได้ใช้สื่อของรัฐทั้งวิทยุและโทรทัศน์เป็นสื่อกลางในการสื่อสารและทำให้ประชาชนทั้งประเทศรับรู้ร่วมกันว่าถ้าคอยติดตามสื่อของรัฐสื่อนั้นแล้วประชาชนและสื่อมวลชนจะได้ข่าวที่ถูกต้องตลอดเวลาและทันสถานการณ์ เป็นข้อสังเกตสุดท้ายสำหรับการเป็น “มือสมัครเล่น” ของผู้ใหญ่ในบ้านเมืองนี้

และ เจ็ด การนำเสนอข่าวของสื่อมวลชนไทยที่แข่งกันนำเสนอภาพที่ไม่เหมาะสมและพยายามที่จะสัมภาษณ์ พยายามจะรายงานความคืบหน้าดังกับว่าพวกเขาเหล่านั้นเป็นเจ้าหน้าที่เสียเอง สะท้องถึงความตกต่ำในจริยธรรมของคนเป็นสื่อมวลชนในยุคนี้อย่างแท้จริง

ภาพ สำนักข่าวอิสราฯ


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment