{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ที่ส่งผลกระทบมาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน ทำให้ยังมีผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว โดยเฉพาะผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (Small and Medium Enterprises : SMEs) ประกอบกับผลกระทบจากสถานการณ์ราคาพลังงานที่ยังมีแนวโน้มผันผวน ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตและระดับราคาสินค้าทั่วไปปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการ SMEs มีกำไรลดลงและประสบกับปัญหาด้านสภาพคล่อง และยังไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบสถาบันการเงินได้อย่างเพียงพอ เนื่องจากสถาบันการเงินยังไม่มั่นใจในการปล่อยสินเชื่อ โดยเห็นว่าผู้ประกอบการมีความเสี่ยงในการชำระหนี้คืนและมีหลักประกันไม่เพียงพอกับความเสี่ยงดังกล่าว ดังนั้น เพื่อให้เป็นการบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นคณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2566 เห็นชอบการทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเพื่อขยายวงเงินค้ำประกันสินเชื่อโครงการค้ำประกันสินเชื่อ Portfolio Guarantee Scheme ระยะที่ 10 โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
ขยายวงเงินค้ำประกันสินเชื่อเพิ่มอีก 3,250 ล้านบาท จากเดิมวงเงินค้ำประกันสินเชื่อ 50,000 ล้านบาท เป็นวงเงินค้ำประกันสินเชื่อ 53,250 ล้านบาท เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนจากระบบสถาบันการเงินได้มากขึ้น
กระทรวงการคลังคาดว่า การดำเนินการดังกล่าวจะทำให้เกิดความต่อเนื่องในการช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs และทำให้มีจำนวนผู้ประกอบการ SMEs สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนจากระบบสถาบันการเงิน ได้มากขึ้น รวมทั้งยังให้ผู้ประกอบการ SMEs มีสภาพคล่องที่เพียงพอและสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ เพื่อบรรเทา
และป้องกันความเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นในระยะต่อไป
COMMENTS
{{ errors.name }}
{{ errors.value }}
{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
RELATED TOPICS