BOI ไฟเขียวสิทธิประโยชน์เพิ่ม เว้นภาษี 8 ปีแก่นิคมฯ อัจฉริยะ ส่วนทำเลง EEC ลดภาษีเพิ่ม 50 % อีก 5 ปี

ผู้ว่า กนอ.เผยนิคมอุตสาหกรรมอัจฉริยะ (Smart Industrial Estate : Smart IE) ได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติม หลังบอร์ด BOI ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 8 ปี และหากอยู่ในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) จะได้รับการลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคลเพิ่มร้อยละ 50 เป็นระยะ 5 ปี

นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) หรือบอร์ด BOI ได้เห็นชอบปรับปรุงหลักเกณฑ์การส่งเสริมการลงทุนกิจการนิคมหรือเขตอุสาหกรรมอัจฉริยะ โดยต้องจัดให้มีบริการระบบอัจฉริยะ 5 ด้าน ได้แก่ Smart Facilities , Smart IT, Smart Energy, Smart Economy และบริการระบบอัจฉริยะด้านอื่นๆ อย่างน้อยอีก 1 ใน 3 ด้าน คือ Smart Good Corporate Governance, Smart Living และ Smart Workforce พร้อมทั้งยกเลิกเงื่อนไข ห้ามตั้งในพื้นที่กรุงเทพฯ และสมุทรปราการ

นอกจากนี้ โครงการที่ได้รับการส่งเสริมอยู่เดิม ทั้งที่ยังไม่สิ้นสุดหรือสิ้นสุดแล้ว และโครงการที่ไม่เคยได้รับการส่งเสริม สามารถขอรับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติม หรือขอรับการส่งเสริมเพื่อยกระดับเป็นนิคมหรือเขตอุตสาหกรรมอัจฉริยะได้เช่นกัน รวมทั้งยังได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 8 ปี หากตั้งอยู่ในพื้นที่ EEC จะได้รับลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลร้อยละ 50 เป็นระยะเวลา 5 ปีเพิ่มเติม

โดย กนอ.มุ่งผลักดันให้มีการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมเป็นนิคมอุตสาหกรรมอัจฉริยะ (Smart Industrial Estate : Smart IE) ส่งเสริมให้มีการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อการบริหารจัดการระบบสาธารณูปโภคและสาธารณูปการในนิคมอุตสาหกรรม เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบกิจการ ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจภาคอุตสาหกรรมของประเทศให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน

ซึ่ง กนอ.ร่วมมือกับคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ศึกษาเพื่อจัดทำสิทธิประโยชน์การส่งเสริมการลงทุนให้กับผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรมที่มีการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูงมาใช้ในการบริหารจัดการนิคมอุตสาหกรรมอัจฉริยะ (Smart Industrial Estate : Smart IE) และพื้นที่ประกอบการอัจฉริยะในนิคมอุตสาหกรรม (Smart Industrial Zone : Smart IZ)

สำหรับระบบอัจฉริยะด้านต่างๆ ประกอบด้วย Smart Facilities คือ การนำเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมมาใช้ติดตาม ควบคุม บริหารจัดการ และเพิ่มประสิทธิภาพระบบสาธารณูปโภคต่างๆ ได้แก่ ระบบผลิตน้ำประปา ระบบบำบัดน้ำเสีย ระบบระบายน้ำฝน และระบบป้องกันน้ำท่วม ระบบการจัดการกากอุตสาหกรรม มูลฝอย และสิ่งปฏิกูล ระบบการติดตามตรวจสอบมลพิษหรือคุณภาพสิ่งแวดล้อม และระบบถนน

Smart IT คือ การพัฒนาระบบฐานข้อมูลและระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่ออำนวยความสะดวกการดำเนินงานของผู้ประกอบกิจการหรือผู้ที่เกี่ยวข้องได้อย่างทั่วถึง ,Smart Energy คือ การใช้พลังงานโดยมีค่าประสิทธิภาพการใช้พลังงานดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง หรือ มีการใช้พลังงานทดแทนเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่การเป็นอุตสาหกรรมคาร์บอนต่ำ (Low carbon industry),Smart Economy คือ การสร้างมูลค่าเพิ่มในระบบเศรษฐกิจและบริหารจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ โดยประยุกต์ใช้ร่วมกับหลักการของ BCG (Bio Economy, Circular Economy, Green Economy)

ขณะที่ Smart Good Corporate Governance คือ การพัฒนากำกับดูแลกิจการที่ดีสำหรับบรรษัทภิบาล (Good corporate governance) โดยมีการสื่อสารและเปิดเผยข้อมูลต่อบุคคลภายนอกเป็นไปอย่างเหมาะสม เท่าเทียมกัน ทันเวลา และใช้ช่องทางที่เหมาะสม ,Smart Living คือ การพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกโดยคำนึงถึงหลักอารยสถาปัตย์ (Universal design) ให้ประชาชนมีสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดี ปลอดภัย และมีความสุขในการดำรงชีวิต และ Smart Workforce คือ การพัฒนาองค์ความรู้ ทักษะ และสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ ตลอดจนเปิดกว้างสำหรับความคิดสร้างสรรค์นวัตกรรม และการมีส่วนร่วมของประชาชน เพื่อยกระดับพัฒนาคุณภาพของแรงงานเข้าสู่ 4.0 และยกระดับคุณภาพของชุมชนอย่างมีส่วนร่วม


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment