{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
ดีแทคร่วมกับ กรมส่งเสริมการเกษตร และมูลนิธิร่วมด้วยช่วยกันสำนึกรักบ้านเกิด สนับสนุนแนวคิดสร้างเกษตรกรรุ่นใหม่ที่ยึดผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง ส่งเสริมการผลิตอาหารที่ปลอดภัย
นายสำราญ สาราบรรณ์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า รัฐบาลได้เห็นความสำคัญในการผลักดันประเด็นอาหารปลอดภัยเป็นความท้าทายหนึ่งของโลกที่กำลังเผชิญ ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขทั้งระบบ ตั้งแต่ผู้ผลิต ผู้บริโภค ตลอดจนการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลัก ในการจัดทำยุทธศาสตร์การพัฒนาเกษตรอินทรีย์แห่งชาติ พ.ศ. 2560 - 2564
ทั้งนี้ ในกระบวนการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ไปสู่การปฏิบัติ ได้มีการจัดตั้งกลไกการขับเคลื่อนทั้งระดับชาติและระดับจังหวัด ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ภาคการศึกษา เกษตรกรและผู้บริโภค เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการเพิ่มพื้นที่และจำนวนเกษตรกรที่ทำเกษตรอินทรีย์ เพิ่มสัดส่วนตลาดเกษตรอินทรีย์ภายในประเทศ รวมทั้งยกระดับกลุ่มเกษตรอินทรีย์วิถีพื้นบ้าน นำไปสู่การพัฒนาเกษตรอินทรีย์ของประเทศไทย
ทั้งนี้ พื้นที่ทำการเกษตรอินทรีย์ที่มีอยู่ทั่วโลกรวมกันประมาน 436.53 ล้านไร่ ใน 173 ประเทศ มีมูลค่าทางการตลาดสูง 3 ล้านล้านบาท ประเทศไทยจัดว่าเป็นอันที่ 7 ของภูมิภาค ซึ่งมีพื้นที่รวม 360,000 ไร่ โดยรัฐบาลตั้งเป้าไว้ว่าจะต้องมีพื้นที่เกษตรอินทรีย์ให้ได้ 1.3 ล้านไร่ ให้ได้ในปี 2565 ซึ่งการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการด้านเกษตรอินทรีย์นี้ จะช่วยผลักดันให้ประเทศไทยเป็นผู้นำในระดับภูมิภาคด้านการผลิต การค้า การบริโภคและการบริการเกษตรอินทรีย์ที่มีความยั่งยืนและเป็นที่ยอมรับในระดับสากลได้ในอันใกล้นี้อย่างแน่นอน
นายบุญชัย เบญจรงคกุล ประธานกรรมการ มูลนิธิร่วมด้วยช่วยกันสำนึกรักบ้านเกิด กล่าวว่า โครงการประกวดเกษตรกรสำนึกรักบ้านเกิด มีความมุ่งหวังเชิดชูเกษตรกรตัวอย่าง และขยายแนวคิดการทำเกษตรอินทรีย์ ที่ปลอดภัย ใส่ใจผู้บริโภค ภายใต้แนวคิด “เกษตรวิถีอินทรีย์แบบครบวงจร” โดยคำนึงถึงผลกระทบในทุกมิติ อันได้แก่ ชุมชน สังคมและสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งคำนึงถึงสุขภาพของผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง
ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการผู้บริโภคยุคใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์การรับประทานอาหารจานด่วน อาหารแปรรูป และอาหารปรุงแต่งที่มีความเสี่ยงต่อสุขภาพ และยากต่อการคัดเลือกวัตถุดิบ ดังนั้น การเลือกบริโภคอาหารที่มีวัตถุดิบอินทรีย์ถือเป็นทางเลือกในการรับประทานอาหารของคนเมือง เพื่อการรับประทานที่อุดมไปด้วยโภชนาการและปราศจากสารปนเปื้อน นอกจากนี้ ยังเป็นการส่งเสริม สนับสนุนและเป็นกำลังใจสำคัญให้กับเกษตรกรในการประกอบอาชีพการเกษตรวิถีอินทรีย์ ที่ต้องใช้ความวิริยะ อุตสาหะและความประณีตอย่างสูง เพื่อสร้างอาหารปลอดภัยให้ผู้บริโภค
ส่วนนางอเล็กซานดรา ไรช์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค กล่าวว่า ประเทศไทยในฐานะเป็นผู้ผลิตทางการเกษตรรายใหญ่ของโลก จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาทำให้ห่วงโซ่ทางการเกษตรมีประสิทธิภาพผ่านการทำเกษตรอย่างแม่นยำ (precision farming) ซึ่งผ่านการวิเคราะห์ข้อมูล (data) ที่ได้จากแปลงเกษตรจริง ทำให้ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรปลอดภัยมากขึ้น ลดการพึ่งพาสารเคมี สร้างความมั่นใจแก่ผู้บริโภค
ดีแทคมีความมุ่งมั่นอย่างยิ่งในการเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืนผ่านเทคโนโลยีดิจิทัล โดยยึดหลักการสร้างคุณค่าร่วม (Creating Shared Value) หรือ CSV ระหว่างภาคธุรกิจ สังคมและประชาชน เพื่อเสริมศักยภาพภาคการเกษตรไทย อันเป็นการตอกย้ำบทบาทของดีแทคที่มากกว่าการเป็น Mobile connectivity
โดยผลการตัดสินเกษตรกรสำนึกรักบ้านเกิด พ.ศ.2562 รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ นายปรีชา หงอกสิมมา จ.ขอนแก่น เกษตรกรรุ่นใหม่ผู้มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาและเป็นแบบอย่างของการทำเกษตรแบบยั่งยืน หลังจากผ่านประสบการณ์อันเลวร้ายจากการทำเกษตรแบบใช้สารเคมีและไม่ได้รับความเป็นธรรม รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 นายโกสินธุ์ สุวรรณภักดี จ.มหาสารคาม ผู้คิดค้น ต่อยอด สร้างมูลค่าสินค้าเกษตรอินทรีย์ "กล้วยเสียบตอก" ด้วยการนำวัสดุพื้นบ้านมาใช้ สามารถสร้างงานสร้างรายได้ให้ชุมชน รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 นางกล้วย ดวงคำ จ.ยโสธร ผู้นำกลุ่มนาข้าวอินทรีย์ที่เข้มแข้ง มีเครือข่ายข้าวอินทรีย์ที่ได้มาตรฐานออร์แกนิค สามารถส่งไปจำหน่ายในต่างประเทศในนาม "ข้าวอินทรีย์บ้านเชียงเพ็ง”
สำหรับเวทีประกวดเกษตรกรสำนึกรักบ้านเกิด พ.ศ.2562 ดำเนินมาถึงปีที่ 11 ภายใต้แนวคิด "เกษตรกรรุ่นใหม่ ใส่ใจผู้บริโภค" โดยเล็งเห็นถึงความสำคัญของภาคการเกษตรที่เป็นมิตรต่อทุกชีวิต มุ่งส่งเสริมให้เกษตรกรผลิตอาหารที่ปลอดภัยสู่ผู้บริโภค โดยเริ่มจากการสร้างความยั่งยืนให้กับตนเองแล้วส่งต่อให้กับผู้อื่น ด้วยการเกษตรวิถีอินทรีย์แบบครบวงจร ตั้งแต่ กระบวนการปลูก การแปรรูปเพิ่มมูลค่า การนำเทคโนโลยีนวัตกรรมมาปรับใช้เพื่อลดต้นทุนเพิ่มผลผลิต รวมไปถึงการบริหารจัดการด้านการตลาด โดยยึดหลักสำคัญทั้ง 4 ประการ คือ สุขภาพ(health) นิเวศวิทยา(ecology) ความเป็นธรรม(fairness) และการดูแลเอาใจใส่ (care) นอกจากนี้ยังต้องคำนึงถึงการทำเกษตรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (eco-friendly) ตั้งแต่กระบวนผลิต การขนส่ง การบริโภค ไปจนถึงการจัดการและกำจัดของเหลือใช้ในฟาร์ม
COMMENTS
{{ errors.name }}
{{ errors.value }}
{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
RELATED TOPICS