สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดคงจีดีพีไทยปี 2564 โตที่ร้อยละ 2.4

ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดคงประมาณการการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยในปี 2564 และปี 2565 ที่ร้อยละ 2.4 และ 3.0 ตามลำดับ หวังเห็นการฟื้นตัวต่อเนื่อง

ดร.ทิม ลีฬหะพันธุ์ นักเศรษฐศาสตร์ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) เปิดเผยว่า ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดคงประมาณการการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยในปี 2564 และปี 2565 ที่ร้อยละ 2.4 และ 3.0 ตามลำดับ หวังเห็นการฟื้นตัวต่อเนื่องและหนุนให้เศรษฐกิจเติบโต โดยปัจจัยสำคัญที่อาจส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศคือผลจากมาตรการทางการคลังและการเงิน การกระจายการฉีดวัคซีนและการเปิดภาคการท่องเที่ยวของประเทศ

โดยประมาณการการเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2564 ได้รวมคาดการณ์เงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำอันเนื่องมาจากความต้องการบริโภคลดลงและดุลบัญชีเดินสะพัดที่อยู่ในระดับเกินดุลไม่มากอันเนื่องมาจากความไม่แน่นอนของการฟื้นตัวในภาคการท่องเที่ยว การนำเข้าที่ค่อยๆ สูงขึ้นและราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้นเป็นความเสี่ยงที่มีผลต่อการคาดการณ์ดุลบัญชีเดินสะพัดของเรา นอกจากนี้เราคาดว่าการเบิกจ่ายทางการคลังยังคงดำเนินไปอย่างช้าๆ

สำหรับสถานการณ์โควิด-19 จะดูมีความหวังมากขึ้น แต่ยังคงมีความไม่แน่นอนเนื่องจากยังมีการระบาดเป็นระลอกในเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ซึ่งส่งผลต่อการหดตัวของเศรษฐกิจในประเทศในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ความไม่แน่นอนของสถานการณ์โควิด-19 น่าจะยังคงบั่นทอนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและภาคธุรกิจในระยะสั้นนี้

ประเทศไทยเริ่มมีการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในเดือนมีนาคม แต่จะช่วยผลักดันให้เกิดการเติบโตของเศรษฐกิจไทยหรือไม่ ขึ้นอยู่กับความรวดเร็วของการได้รับวัคซีนอย่างทั่วถึง และประสิทธิผลในการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัส

ภาคท่องเที่ยวของไทยซึ่งมีสัดส่วนร้อยละ 15 ของจีดีพีประเทศ เป็นปัจจัยที่น่าจับตามองในไตรมาส 2 ของปีนี้ การผ่อนปรนมาตรการการกักตัวนักท่องเที่ยวที่ได้รับวัคซีนแล้วน่าจะช่วยฟื้นเศรษฐกิจ แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีความท้าทายที่ต้องติดตาม เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ยังคงเปราะบางทั่วโลก ในระยะกลางปริมาณผู้ให้บริการด้านการท่องเที่ยวอาจจะเป็นประเด็นที่ต้องตามดู เนื่องจากโรคระบาดในครั้งนี้ทำให้ธุรกิจโรงแรมหลายแห่งต้องปิดกิจการ นอกจากนี้มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมมูลค่ารวม 3 แสนกว่าล้านบาทจากกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย น่าจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในไตรมาส 2 ของภาคท่องเที่ยวซึ่งเตรียมตัวที่จะกลับมาเริ่มเปิดอีกครั้ง

การส่งออก ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 50 ของจีดีพีของประเทศกลับมาเติบโตในช่วงต้นปี 2564 โดยการส่งออกภาคยานยนต์ (ประมาณร้อยละ 13 ของการส่งออกทั้งหมด) เริ่มฟื้นตัว

ส่วนดุลบัญชีเดินสะพัดปรับตัวลดลงในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาเนื่องจากการฟื้นตัวของภาคนำเข้าและความไม่แน่นอนในภาคการท่องเที่ยว ดังนั้น ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดคาดว่าค่าเงินบาทจะผันผวนในระยะสั้น

“เราคาดว่าค่าเงินบาทจะฟื้นตัวในปลายปี 2564 เนื่องจากภาคท่องเที่ยวค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้นปลายปี เพื่อให้สอดคล้องกับการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวที่อาจต้องใช้เวลา เราปรับประมาณการค่าเงินบาทของเรามาอยู่ที่ 31.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐในช่วงกลางปี (จากเดิมคาดไว้ที่ 29.75) และคาดว่าจะอยู่ที่ 31.00 ในช่วงสิ้นปี (จากเดิมคาดไว้ที่ 29)” ดร.ทิม กล่าว


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment